อยู่บ้านแบบเซฟ ๆ กับ 4 อาการป่วยยอดฮิตกับของที่ต้องมีติดบ้าน

อากาศก็เปลี่ยน ฝุ่นก็มา อาการป่วยกลับมาถามหาแน่เลย แถมอยู่บ้านทั้งวัน ถ้าป่วยขึ้นมาจะทำไงดี ?

มาดูนี่เลย 4 อาการป่วยยอดฮิตและ ยาสามัญที่ควรมีติดบ้าน !ไม่ต้องออกไปไหนไกล เพราะสามารถหาซื้อได้ง่ายๆ ผ่าน 7-Delivery ได้เลย

1. ปวดหัว มีไข้ ปวดตัว

💊ยาที่ควรมีติดบ้าน
#พาราเซตามอล : บรรเทาอาการปวด และ ช่วยลดไข้
#เจลลดไข้ : ระบายความร้อน

และ ตัวร้อน มีไข้
ควรวัดอุณหภูมิ เป็นการตรวจหาว่าร่างกายมีไข้หรือไม่

สิ่งที่ควรมีติดบ้าน
#ปรอทวัดไข้ : วิธีวัดอุณหภูมิร่างกายหลายรูปแบบ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและช่วงวัย
วิธีวัดไข้มี 4 ช่องทาง

สั่งซื้อผ่าน 7-Delivery

การวัดอุณหภูมิ คือ ?

” การวัดอุณหภูมิ “

การวัดอุณหภูมิเป็นการใช้ตรวจหาว่าร่างกายมีไข้หรือไม่ ซึ่งการมีไข้ถือว่าเป็นหนึ่งในอาการของการติดเชื้อโควิด-19 ปัจจุบันก็มีวิธีวัดอุณหภูมิร่างกายหลายรูปแบบ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและช่วงวัย แล้วเราจะใช้วิธีอันไหนดีนะ จะทราบได้ยังไงว่าเรามีไข้

วิธีวัดไข้มี 5 ช่องทาง

– ทางหู

เหมาะกับ : เด็กเล็กอายุ 3 เดือนขึ้นไป เพราะมีขนาดรูหูใหญ่มากพอที่แสงอินฟาเรดจะยิงเข้าไปถึงเยื่อแก้วหู

วิธีวัดไข้ : ใช้เครื่องวัดไข้แบบแสงอินฟาเรดยิงเข้าไปในรูหู โดยดึงใบหูไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพื่อให้รูหูตรง วัดครั้งละ 2-3 วินาที แล้ววัด 2 ครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ย

ข้อควรระวัง : อาจมีค่าคลาดเคลื่อนได้หากเด็กมีขี้หูปิดรูหูไว้

– ทางทวารหนัก

เหมาะกับ : เด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ

วิธีวัดไข้ : วิธีนี้ได้จะได้อุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายมากที่สุด โดยเอาวาสลีนทาที่ปลายปรอท แล้วใส่เข้าไปที่ทวารหนักลึก 1 นิ้ว นาน 2 นาที ขณะวัดไข้จับปรอทไว้ให้แน่นอย่าให้ขยับไหลลึกเข้าไป

ข้อควรระวัง : ต้องทำอย่างถูกวิธี เพราะอาจเกิดแผลฉีกขาดได้

– ทางปาก

เหมาะกับ : เด็กเล็กที่อายุ 5 ขวบขึ้นไป เพราะอาจอมปรอทไม่เป็นและอาจกัดปรอทแตกได้ เป็นวิธีที่นิยมสำหรับผู้ใหญ่เพราะให้ผลค่อนข้างชัดเจน และแม่นยำ

วิธีวัดไข้ : อมปรอทให้ส่วนหัวสีเงินอยู่ใต้ลิ้น เพราะเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดจำนวนมาก จะทำให้ได้อุณหภูมิที่ถูกต้องที่สุด อมปรอทไว้อย่างน้อย 3 นาที

ข้อควรระวัง : ขณะวัดปรอทไม่ควรหายใจทางปาก และไม่ควรดื่มน้ำร้อนหรือน้ำเย็นก่อนวัดปรอท 10-15 นาที

– ทางรักแร้

เหมาะกับ : ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก

วิธีวัดไข้ : สอดปรอทให้ส่วนหัวสีเงินสอดเข้าไปในรักแร้ พับแขนหนีบปรอทเอาไว้ 2-3 นาที

ข้อควรระวัง : หากวัดในเด็กเล็กระวังอย่าให้เด็กขยับตัวมาก เพราะอาจทำให้ได้ผลคลาดเคลื่อนได้ (ไข้ต่ำกว่าที่เป็นอยู่จริง)

– ทางผิวหนัง

เหมาะสม : ทุกเพศทุกวัย

วิธีวัดไข้ : เช็ดหน้าผากให้แห้ง ใช้แถบวัดไข้แปะหน้าผากนาน 15 วินาทีจนมีตัวเลขขึ้น

ข้อควรระวัง: ผลของการวัดไข้อาจคาดเคลื่อนได้ง่าย

แล้วอุณหภูมิเท่าไรถึงจะเรียกว่า ” มีไข้ “

อุณหภูมิปกติของคนเราอยู่ที่ 36-37.5 องศาเซลเซียส ถ้าวัดอุณหภูมิทางปาก รักแร้ หู หรือผิวหนังได้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส และทางทวารหนัก เกิน 38 องศาเซลเซียส แสดงว่า ” มีไข้ “

ระดับไข้

37.6 – 38.4 °C = ไข้ต่ำ

38.5 – 39.4 °C = ไข้ปานกลาง

39.5 – 40.5 °C = ไข้สูง

40.5 °C ขึ้นไป = ไข้สูงมาก

หากมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส แนะนำให้เช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนโดยเฉพาะตามข้อพับ ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี นอนพักผ่อนร่วมกับดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อป้องกันการขาดน้ำจากไข้ และสามารถใช้ยาลดไข้ควบคู่กันไป หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 3-4 วัน ควรไปพบแพทย์