โรคในหน้าร้อน เมื่อลมหนาวผ่านไป ลมร้อนก็ได้กลับมาทักทายเราอีกครั้ง ซึ่งหน้าร้อนไม่ได้ก็มาพร้อมกับลมร้อนเท่านั้น แต่ยังพาโรคหลายชนิดมาพร้อมกับลมร้อนนี้ด้วย ซึ่งโรคที่เราควรระวังในหน้าร้อน ได้แก่ โรคดังต่อไปนี้ค่ะ
โรคในหน้าร้อน ที่ควรระวัง
ท้องเสีย
อากาศร้อนและชื้น ทำให้เชื้อโรคมีการเจริญเติบโตได้ดี ทำให้อาหารบูดเน่าเสียได้ง่าย มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคในอาหารและน้ำ เป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ และอาการท้องร่วง โดยผู้ป่วยอาจมีอาการ ถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ และถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร อาจทำให้มีมูกเลือดปนกับอุจจาระ
การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการท้องเสีย
1. จิบผงน้ำตาลเกลือแร่บ่อยๆ โดยเลือกผงน้ำตาลเกลือแร่สำหรับอาการท้องเสียโดยเฉพาะ จะป้องกันอาการขาดน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ที่สามารถเกิดอาการช็อคจากภาวะขาดน้ำได้มากกว่าคนปกติ
2. รับประทานผงถ่าน หรือยาที่มีฤทธิ์ในการดูดซับที่จะช่วยดูดซับสารพิษจากเชื้อโรค และยังทำให้อุจจาระแข็งขึ้น ช่วยลดความถี่ในการถ่ายอุจจาระ
3. รับประทาน probiotics หรือแบคทีเรียชนิดที่ดี ที่มีอยู่ในนมเปรี้ยว โยเกิร์ต รวมถึงอยู่ในรูปแบบเม็ดและผงชงน้ำพร้อมรับประทาน ที่จะช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ลดโอกาสในการเกิดอาการท้องเสีย
4. ถ้ามีอาการอื่นๆ เช่น ปวดบิดเกร็งท้อง คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ รวมถึงอุจจาระมีกลิ่นคาวปลา มีมูกหรือเลือดปน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำการรักษาที่เหมาะสมในขั้นถัดไป
การป้องกันตัวเองจากการท้องเสีย
รับประทานอาการที่ปรุงสุกใหม่ทุกครั้ง รวมถึงเลือกดื่มน้ำและน้ำแข็งจากแหล่งที่สะอาด รวมถึงล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้งด้วยค่ะ
ผดร้อน
อากาศที่ร้อนทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติเพื่อระบายความร้อน ซึ่งเหงื่อเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังเช่น โรคผดผื่นที่เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดผื่นแดง ในบริเวณหน้าอก ลำคอ รวมถึงแผ่นหลัง เกิดมากในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนไม่ดี
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นผดร้อน
1. รับประทานยาแก้แพ้ จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ผิวหนังและอาการคันได้
2. ทายาทาแก้แพ้ หรือคาลาไมน์โลชั่นเพื่อช่วยบรรเทาอาการคันและผื่น
การป้องกันตัวจากการเป็นผดร้อน
หลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นเวลานาน ปกป้องผิวจากแสงแดด โดยการใส่หมวก ใส่เสื้อแขนยาว รวมถึงใช้ครีมกันแดด ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
เชื้อราที่ผิวหนัง
อากาศที่ร้อนทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติเพื่อระบายความร้อน ซึ่งเหงื่อสามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อราบนผิวหนังได้ง่ายกว่าปกติ อาจทำให้เกิดโรคกลาก เกลื้อน ทำให้มีอาการคันและผิวหนังเปลี่ยนสี ดูไม่น่ามอง
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นเชื้อราที่ผิวหนัง
1. ทายาครีมฆ่าเชื้อราบริเวณที่เป็นวันละ 1-2 ครั้งจนกว่ารอยโรคจะหายสนิทและทาต่อเนื่องอีก 14 วันเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
2. ฟอกผิวหนังด้วยแชมพูฆ่าเชื้อรานาน 5 นาทีแล้วล้างออกในขณะอาบน้ำ
การป้องกันตัวเองจากเชื้อราที่ผิวหนัง
1. ทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเพื่อป้องกันผดผื่นคัน และการเกิดเชื้อราเนื่องจากความอับชื้นจากเหงื่อ
2. ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
ลมแดด หรือ ฮีทสโตรก