เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพก็ตามมา ซึ่งโรคความดันโลหิตสูง หรือภาวะความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบบ่อย

ในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และพบได้สูงถึงประมาณ 25-30%ของประชากรโลกที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด

โดยผู้ป่วยต้องทานยาควบคุมระดับความดันสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรขาดยา หรือ เพิ่ม-ลด ปริมาณยา ถึงแม้จะ รู้สึกว่ามีอาการปกติเพราะความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยทำให้เกิดเส้นเลือดหัวใจอุดตัน เส้นเลือดสมองตีบ หรือ แตกได้

ความดันโลหิตสูง เป็นภัยเงียบ ที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งนอกจากจะต้องมีวินัยในการทานยา แล้วผู้ป่วยสูงวัยนั้น ควรได้รับการดูแลในด้าน การใช้ชีวิตประจำวันอื่น ๆ เพื่อการมีสุขภาพกาย และใจที่ดีขึ้นด้วยค่ะ

วันนี้ เอ็กซ์ต้า พลัส ได้รวบรวม 5 ตัวช่วยสำหรับผู้สูงอายุความดันสูง ที่จำเป็นเวลาอยู่บ้าน เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง ที่จะทำให้ช่วยอำนวย ความสะดวกในการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย อุ่นใจ ทั้งผู้ป่วย ทั้งผู้ดูแล ได้ไปพร้อม ๆ กัน

1. เครื่องวัดความดัน
เป็นตัวช่วยสำคัญอันดันต้น ๆ ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ด้วยความดันโลหิตของผู้ป่วยนั้นสามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลา จึงควรมีเครื่องตรวจวัดความดันโลหิต ที่ติดตัวผู้ป่วยไว้ และยังสามารถใช้ในการรักษาได้ดียิ่งขึ้น เมื่อได้ข้อมูลประกอบการประเมินรักษา

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทยที่ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า ค่าความดันที่วัดที่โรงพยาบาลไม่ควรเกิน 140/90 mmHg
แต่ถ้าหากวัดที่บ้านได้ 135/85 mmHg จึงควรถือว่าความดันโลหิตผิดปกติ เนื่องจากเครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติจะต่ำกว่าค่าที่วัดได้ที่สถานพยาบาลประมาณ 5 มม.ปรอท

แนะนำให้วัดความดันโลหิตที่บ้านวันละ 4 ครั้ง
– ช่วงเช้า 2 ครั้ง
– ช่วงเย็นอีก 2 ครั้ง

2. เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว
ความดันโลหิตที่สูงมากเกินไป อาจส่งผลต่อหัวใจเพราะทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว ทำให้การ ไหลเวียนของเลือด และออกซิเจนไปยังหัวใจ ไม่เพียงพอ ดังนั้น ควรมีเครื่องวัดการมีวัดปริมาณออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว เพื่อวัดระดับความ
เข้มข้นของออกซิเจนในกระแสเลือดติดไว้ เพื่อช่วยติดตา อาการและสามารถเตรียมพร้อม รับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น

กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ระบุไว้ว่าค่าที่วัดปริมาณออกซิเจนในเลือด แบ่งเปอร์เซ็นต์ออกเป็นดังนี้
95 – 100 % เป็นค่าออกซิเจนในเลือดปกติดี
หากต่ำกว่า 90% อาจเสี่ยงภาวะค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ